


โลกผู้วิเศษในไทย

ประวัติศาสตร์เวทมนตร์ในดินแดนไทยนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากที่ใดก็มิอาจทราบ เนื่องมาด้วยเป็นประวัติศาสตร์อันยาวนานและมาจากหลายดินแดนหลอมรวมกันก่อนที่แผ่นดินไทยจะถือกำเนิด
ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยก่อนยุคสุโขทัยจนมาถึงกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ผู้วิเศษในไทยนั้นมีจำนวนมากและเป็นที่รู้จัก ยุคนั้นถือเป็นยุคมืดเพราะเต็มไปด้วยการใช้ไสยศาสตร์มนตร์ดำ ยังไม่มีการตรากฎหมายผู้วิเศษมาใช้อย่างจริงจัง แต่แรกนั้นเหล่าผู้วิเศษเป็นที่รู้จักกันในฐานะหมอไสยผู้มีวิชาเพราะมีเพียงกลุ่มนั้นที่ข้องแวะกับมานพ แต่หาได้มีใครรู้ไม่ว่าในสังคมของพวกเขามีความลึกซึ้งยิ่งกว่านั้นมากนัก
พวกเขาไม่ได้มีเพียงแต่ไสยศาสตร์วิชา แต่คือผู้มีมนตราที่มีสังคมของตนเอง บ้างเลือกที่จะไม่ข้องเกี่ยวกับมนุษย์ธรรมดา บ้างก็ใช้ชีวิตปะปนไปกับมานพอย่างแนบเนียน อาศัยอยู่กระจัดกระจายไม่ได้รวมตัวกันเช่นปัจจุบัน
จนกระทั่งในช่วงเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่ง ผู้วิเศษได้ถูกมานพเข่นฆ่าไปเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ในยามนั้นผู้วิเศษทั้งในแดนสยาม ลาว เขมร พม่า ฯลฯ ล้วนแต่ไม่เคยมีเรื่องกระทบกระทั่งกัน จนเกิดเป็นชนวนสงครามผู้วิเศษครั้งที่หนึ่งในดินแดนเอเชียอาคเนย์แผ่นดินใหญ่
สงครามมีแต่ความสูญเสีย ประชากรผู้วิเศษเหลือน้อยจนเข้าขั้นวิกฤต ท้ายที่สุดพวกเขาที่เหลือรอดจึงได้รวมตัวก่อตั้งชุมชนผู้วิเศษขึ้นโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่เมืองจันทบุรี
ในช่วงนั้น พวกเขาได้ค้นพบว่าผู้วิเศษส่วนน้อยสามารถเกิดจากมานพได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่ในประวัติครอบครัวนั้นไม่มีใครเคยเป็นผู้วิเศษเลย นั่นทำให้ไม่อาจมีใครถ่ายทอดวิชาให้กับกลุ่มผู้วิเศษเหล่านั้นได้ ปัญหานี้เป็นที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนานถึงวิธีแก้ไข จนในที่สุดก็ได้ข้อสรุป...พวกเขาต้องการโรงเรียนสำหรับผู้วิเศษ
ชุมชนผู้วิเศษออกสำรวจทั่วแดนสยามเพื่อหาสถานที่ที่เหมาะสมนานหลายศตวรรษ จนกระทั่งในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย พวกเขาสำรวจไปในน่านน้ำทะเลไทยจนได้พบเกาะแห่งหนึ่ง...เป็นเกาะที่ยังไม่ถูกมานพค้นพบ และมีข่ายมนตราธรรมชาติที่กันสายตาพวกมานพออกจากเกาะแห่งนี้
ข่ายมนตราที่ปกป้อง ‘ประตูสู่หิมพานต์’
พวกเขาเจรจาต่อรองกับจิตวิญญาณแห่งพงไพร ขอพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นที่ตั้งสำหรับโรงเรียนผู้วิเศษอันเป็นสถานที่แสนสำคัญในปัจจุบัน…
ไม่กี่ปีต่อมา สภาผู้วิเศษได้ถูกต่อตั้งขึ้น สังคมผู้วิเศษได้หลอมรวมไปกับมานพอย่างแนบเนียน แต่ผู้ไร้เวทกลับไม่อาจรับรู้ว่ามนตรานั้นมีอยู่จริง
ในดินแดนแห่งนี้ถูกหล่อหลอมด้วยวัฒนธรรมความเชื่ออันน่าพิศวง แม้เรื่องราวจะถูกปิดบังไว้หลายส่วนแต่กลับกลายเป็นตำนานที่ใครต่อใครต่างรู้จัก หากแต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะก้าวเข้าไปในความมหัศจรรย์นั้นได้
ความมหัศจรรย์ของโลกผู้วิเศษ...ดินแดนที่ขับเคลื่อนมนตรา

สายเลือดของผู้วิเศษ
กลุ่มผู้วิเศษชั้นสูงหลายกลุ่มต่างตั้งข้อสันนิษฐานหลายแนวทางถึงจุดกำเนิดของพวกเขา บางก็ว่าได้รับพลังมาจากสายเลือดของสิ่งมีชีวิตชั้นสูง บ้างก็ว่าเกิดจากการบำเพ็ญจนมีพลังวิเศษ หรือแม้แต่เป็นพันธุกรรมอันแสนเจือจางที่ทำให้สายเลือดมนุษย์มีเวทมนตร์ขึ้นมา
แต่ในท้ายที่สุดแล้ว กลับพบว่ามีความเป็นไปได้หลายข้อสันนิษฐาน ทำให้มีการจัดจำแนกสายเลือดผู้วิเศษขึ้นมาเป็น ๕ สายเลือด
-
สายเลือดบริสุทธิ์ คือสายเลือดที่สืบทอดความเป็นผู้วิเศษมารุ่นสู่รุ่น
-
สายเลือดผสม คือสืบสายเลือดความเป็นผู้วิเศษมาจากบรรพบุรุษ โดยกลุ่มนี้นั้นอาจมีญาติฝั่งใดฝั่งหนึ่งที่เคยเป็นผู้วิเศษมาก่อนก็ได้ ไม่จำกัดแค่พ่อหรือแม่ต้องเป็นผู้วิเศษ อาจเป็นรุ่นปู่ย่าตายายหรือแม้แต่รุ่นทวด
-
ผู้วิเศษไร้เวท คือผู้ที่สืบสายเลือดจากผู้วิเศษหากแต่ไร้ความสามารถทางด้านเวทมนตร์ในตัว ทั้งนี้ทั้งนั้น หากพวกเขาแต่งงานกับมานพที่ไม่ได้มีสายเลือดผู้วิเศษใดๆ รุ่นต่อๆไปก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นผู้วิเศษได้ และจะได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มเลือดผสม
-
ผู้วิเศษที่เกิดจากมานพ/ผู้ถูกเลือก คือผู้วิเศษที่มีพลังเวททั้งที่ในประวัติครอบครัวไม่มีใครเคยเป็นผู้วิเศษหรือผู้วิเศษไร้เวทมาก่อน ถือเป็นกรณีที่หาได้ยากพอๆกับสายเลือดอมนุษย์ มีความเชื่อหลายอย่างเกี่ยวกับผู้วิเศษประเภทนี้ ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรมพิเศษ หรือแม้แต่ถูกเลือกจากจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ
-
ผู้สืบสายเลือดจากอมนุษย์ คือผู้วิเศษที่สืบสายเลือดมาจากอมุษย์ แบ่งเป็นสองสายย่อยดังนี้
- ผู้สืบสายเลือดจากอมนุษย์ทั่วไป เช่น สมิง นางไม้ พราย รวมถึงสัตว์หิมพานต์จำพวกกินรี สิงห์ผสม นาคทั่วไป ฯลฯ
- ผู้สืบสายเลือดจากอมนุษย์ชั้นสูง เช่น พญานาคระดับสูง(๓ เศียรขึ้นไป) ครุฑชั้นสูง ชาวสวรรค์(ระดับไม่เกินชั้นดาวดึงส์) ราชสีห์ พญายักษา พญาวานร เป็นต้น

